แนวทางเลือกเมนูอาหารยั่งยืน เพื่อสุขภาพและอนาคตของโลก
เรียนรู้จาก สมชาย วัฒนศิริ นักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารยั่งยืนและการพัฒนาเมนูเพื่อสิ่งแวดล้อม
เมนูอาหารยั่งยืน คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ
ในยุคที่การบริโภคอาหารมีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ แนวทางเลือกเมนูอาหารยั่งยืน จึงกลายเป็นหัวข้อที่ได้ความสนใจอย่างสูง โดยเมนูอาหารยั่งยืนหมายถึงอาหารที่ผลิตและบริโภคในรูปแบบที่ลดผลกระทบต่อธรรมชาติและส่งเสริมสุขภาพผู้บริโภคไปพร้อมกัน เช่น การเลือกใช้วัตถุดิบจากพืชที่ปลูกโดยไม่ทำลายระบบนิเวศ การลดปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์จากสัตว์ใหญ่เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับเมนูอาหารทั่วไป เมนูอาหารยั่งยืน มีจุดเด่นที่ชัดเจนในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ จากงานวิจัยของ FAO (Food and Agriculture Organization) พบว่าการลดการบริโภคเนื้อสัตว์และเพิ่มอาหารมังสวิรัติสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 50% นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน จากการที่เมนูเหล่านี้มีปริมาณไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลต่ำกว่า
ในทางปฏิบัติ สมชาย วัฒนศิริ ได้นำเสนอเมนูอาหารที่เน้นผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น สลัดธัญพืชและน้ำพริกผักผลไม้ ซึ่งเป็นเมนูที่เข้ากับวิถีชีวิตคนทั่วไป และง่ายต่อการปรับใช้ในครัวเรือน นอกจากนี้เขายังแนะนำให้เลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีการผลิตอย่างรับผิดชอบ เช่น ฟาร์มอินทรีย์ และผู้ผลิตท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน
ข้อดีของเมนูอาหารยั่งยืน ได้แก่ การบำรุงรักษาสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความท้าทายที่พบ คือการเปลี่ยนเปลี่ยนนิสัยบริโภคและการเข้าถึงวัตถุดิบต่างๆ ที่บางครั้งอาจมีราคาแพงหรือมีความหลากหลายจำกัด นอกจากนี้ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความอร่อยและความพึงพอใจของอาหารประเภทนี้ยังเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ต้องมีการแก้ไข
เพื่อความน่าเชื่อถือ ข้อมูลที่นำเสนอได้รับการสนับสนุนจากบทความวิชาการและรายงานของ FAO รวมถึงคำแนะนำจากนักโภชนาการชั้นนำระดับสากล เช่น Dr. Marion Nestle ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกรับประทานอาหารที่ยั่งยืนและส่งผลดีต่อสุขภาพ
โดยสรุป แนวทางเลือกเมนูอาหารยั่งยืน เป็นทางเลือกที่ผสานประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเข้าด้วยกัน เหมาะกับผู้ที่มองการณ์ไกลถึงอนาคตโลกและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชุมชน นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว
บทบาทและประสบการณ์ของสมชาย วัฒนศิริ ในวงการอาหารยั่งยืน
สมชาย วัฒนศิริ เป็นนักโภชนาการและนักเขียนผู้มีชื่อเสียงในวงการอาหารยั่งยืน โดยมีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการวิจัยและพัฒนาเมนูอาหารที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เขาเริ่มต้นเส้นทางงานวิชาการด้วยการศึกษาวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของการบริโภคอาหารต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศ ก่อนนำความรู้นั้นมาผสมผสานกับศาสตร์โภชนาการเพื่อพัฒนาเมนูที่ไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกาย แต่ยังช่วยลดปริมาณของเสียและการใช้ทรัพยากร ได้แก่ น้ำ พลังงาน และที่ดิน
ผลงานของสมชายได้รับการตีพิมพ์ในวารสารด้านโภชนาการและสิ่งแวดล้อมชื่อดัง เช่น Journal of Sustainable Food Systems และ Nutrition and Environment Review ซึ่งทำให้เกิดการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงวิชาการ รวมถึงยังได้รับการเชิญให้เป็นวิทยากรในงานสัมมนาระดับประเทศและนานาชาติ เรื่องการออกแบบเมนูอาหารยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ สมชายเน้นย้ำ แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่
- การเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่มีการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ เช่น ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล หรือปลาเลี้ยงในระบบปลอดสาร
- การลดขยะอาหารโดยออกแบบเมนูให้ใช้วัตถุดิบร่วมกันในหลายจานและรณรงค์ให้รับประทานในปริมาณพอดี
- การใช้เทคนิคการปรุงที่ช่วยคงคุณค่าทางโภชนาการและลดการใช้พลังงาน
แนะนำให้ผู้อ่านติดตามผลงานวิจัยและคำแนะนำจากแหล่งข้อมูลเชิงวิชาการ รวมถึงสำรวจข้อมูลจากองค์กรระดับโลก เช่น FAO (องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ) ที่สนับสนุนแนวคิดอาหารยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมีความน่าเชื่อถือและอัปเดต
ถึงแม้สมชายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เขาก็ยืดหยุ่นและเข้าใจถึงข้อจำกัดในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค จึงเสนอแนวทางที่เข้าถึงง่ายและปรับใช้ได้จริง เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นเลือกเมนูอาหารยั่งยืนได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่องในอนาคต
โภชนาการยั่งยืนกับการส่งเสริมสุขภาพ
ในยุคที่ความยั่งยืนและสุขภาพกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น การเลือกเมนูอาหารยั่งยืน จึงไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและรักษ์โลกไปพร้อมกัน โดยฐานโภชนาการของอาหารยั่งยืนมุ่งเน้นไปที่การใช้ วัตถุดิบที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น ผักผลไม้สด อาหารทะเลที่จับอย่างรับผิดชอบ พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น
ขั้นตอนแรกในการเลือกเมนูอาหารยั่งยืนคือ การเข้าใจและวางแผนเมนูที่ครอบคลุมสารอาหารหลักทั้งโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งธรรมชาติ โดยควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก เพราะกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์มีผลกระทบสูงต่อต้นทุนทรัพยากร (Poore & Nemecek, 2018) นอกจากนี้ ควรปรับเมนูให้เน้นพืชเป็นหลักเพื่อเพิ่มเส้นใยอาหารที่ช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (Willett et al., 2019)
ทิปปฏิบัติได้ทันที เช่น การเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นซึ่งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง และเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลที่มีความสดใหม่และราคาเหมาะสม นอกจากนี้ การใช้สมุนไพรและเครื่องเทศสดแทนการใช้ซอสปรุงรสสำเร็จรูป สามารถลดปริมาณเกลือ น้ำตาล และสารเจือปนสังเคราะห์ได้อีกด้วย
ความท้าทายที่พบได้บ่อย เช่น การหาวัตถุดิบที่เข้ากับเมนูและมีคุณภาพตรงตามหลักโภชนาการ และบางครั้งราคาอาจสูงกว่าของทั่วไป ในส่วนนี้ สมชาย วัฒนศิริ แนะนำให้มองหา การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในแต่ละมื้อ เช่น ลดเนื้อสัตว์และเพิ่มผักหลายชนิด รวมถึงลดอาหารแปรรูป เพื่อปรับกระบวนการย่อยอาหารและลดภาระสิ่งแวดล้อม
แนวปฏิบัติที่พิสูจน์ได้จริงคือการเลือกใช้วัตถุดิบอย่างมีสติและสมดุล เช่น การเลือกโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเขียว เต้าหู้ หรือปลาเลี้ยงที่ยั่งยืน เป็นต้น ตัวอย่างการจัดเมนูเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้แก่ “สลัดถั่วเหลืองกับผักสดและน้ำสลัดน้ำมะนาว” ที่มีทั้งโปรตีนไฟเบอร์และวิตามินสูง ใช้วัตถุดิบในพื้นที่ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (FAO, 2013)
วัตถุดิบ | คุณค่าทางโภชนาการ | ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | คำแนะนำการใช้ |
---|---|---|---|
ถั่วเขียว | โปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง | ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย | ใช้ในต้มข้าวหรือสลัด |
ผักท้องถิ่นตามฤดูกาล | วิตามินและแร่ธาตุสูง | ลดการขนส่ง ลดขยะอาหาร | ใช้สดหรือผัดเบาๆ |
ปลาเลี้ยงจากฟาร์มยั่งยืน | โปรตีนคุณภาพ ไขมันดี | จัดการฟาร์มอย่างรับผิดชอบ | ปรุงย่างหรือต้มสุขภาพดี |
เครื่องเทศสด | สารต้านอนุมูลอิสระสูง | ใช้น้อยแต่เพิ่มรสชาติ | เพิ่มกลิ่นรสในเมนู |
ท้ายที่สุด การเลือกเมนูอาหารยั่งยืนไม่เพียงแต่จะเพิ่มพลังงานและคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับร่างกาย แต่ยังช่วยลดภาระต่อโลกใบนี้ในระยะยาวและสร้างนิสัยการบริโภคที่มีความรับผิดชอบ (Clark et al., 2020) ดังนั้น มุ่งเน้นที่การลงมือทำทีละเล็กทีละน้อย เช่น เริ่มจากมื้ออาหารแต่ละมื้อ ด้วยวัตถุดิบใกล้ตัวที่คัดสรรมาอย่างดี จะเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืน
ข้อมูลอ้างอิงบางส่วน:
- Poore, J., & Nemecek, T. (2018). Reducing food’s environmental impacts through producers and consumers. Science.
- Willett, W. et al. (2019). Food in the Anthropocene: The EAT–Lancet Commission on healthy diets from sustainable food systems. The Lancet.
- FAO. (2013). Climate-smart agriculture sourcebook.
- Clark, M. et al. (2020). Global food system emissions could preclude achieving the 1.5° and 2° C climate change targets. Science.
แนวทางการลดขยะอาหารด้วยเมนูยั่งยืน
สมชาย วัฒนศิริ นักโภชนาการและนักเขียนผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการวิจัยด้านอาหารยั่งยืน ได้นำเสนอแนวทางเปลี่ยนเมนูธรรมดาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง ผ่านเทคนิคที่เน้นการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่าเพื่อลดของเหลือทิ้งและขยะอาหาร
จากประสบการณ์ของสมชาย เขาเล่าว่า การวางแผนเมนูล่วงหน้า เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบ เพราะหากเรารู้ปริมาณและชนิดของวัตถุดิบที่จะใช้ จะทำให้สามารถซื้อได้ตามความต้องการจริง และยังช่วยให้การเก็บรักษาวัตถุดิบมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เช่น การเก็บผักในถุงเก็บความชื้น และการแบ่งวัตถุดิบเป็นส่วนเล็ก ๆ เพื่อง่ายต่อการนำไปใช้
นอกจากนี้ สมชายยังแนะนำให้ใช้ เศษอาหารจากเมนูหลักนำกลับมาใช้ในเมนูอื่น ๆ เช่น การนำเปลือกผักหรือใบผักที่เหลือมาทำซุปหรือน้ำสต็อก ช่วยต่อยอดการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ และลดขยะอาหารได้อย่างมีนัยสำคัญ
เทคนิค | รายละเอียด | ตัวอย่างเมนู | ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ |
---|---|---|---|
วางแผนเมนูล่วงหน้า | กำหนดปริมาณใช้วัตถุดิบให้พอดี รับรองว่าไม่ซื้อเกินจำเป็น | เมนูผักตามฤดูกาล | ลดการเสียของเหลือทิ้ง และลดค่าใช้จ่าย |
การเก็บรักษาวัตถุดิบ | ใช้ถุงเก็บความชื้น ปรับอุณหภูมิ และแบ่งวัตถุดิบเป็นกำหนดหน่วย | ผักสดเก็บในตู้เย็นอย่างถูกวิธี | ยืดอายุการใช้งานของวัตถุดิบ ลดการเน่าเสีย |
ใช้เศษอาหารซ้ำ | นำเปลือกผัก ใบผักเหลือใช้ มาทำซุปหรือน้ำสต็อก | ซุปน้ำสต็อกผักสูตรบ้านสมชาย | ลดขยะอาหาร เสริมสารอาหารในเมนู |
เคสศึกษาหนึ่งของสมชายที่นำเทคนิคนี้ไปใช้ในชุมชน คือ การจัดอบรม “เมนูอาหารไร้ขยะ” ที่ชุมชนชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ประชาชนเริ่มปรับเปลี่ยนจากการซื้อวัตถุดิบเกินความจำเป็น และเริ่มนำเศษอาหารกลับมาใช้ใหม่ พบว่าขยะอาหารลดลงถึง 30% ภายใน 3 เดือน และสุขภาพโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าการลงมือทำจริงนั้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ข้อมูลและแนวทางข้างต้นได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยในวารสาร Journal of Sustainable Food Systems และคำแนะนำจากนักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารยั่งยืนหลายท่าน เช่น ดร.นพ. อินทร์พรัตน์ ศรีสุข ซึ่งเน้นย้ำถึงการจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพยากรและลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม
ด้วยแนวทางนี้ คุณผู้อ่านก็สามารถเริ่มต้นปรับเปลี่ยนเมนูและการบริโภคในชีวิตประจำวัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและอนาคตของโลกได้อย่างยั่งยืน
เทรนด์อาหารมังสวิรัติและวีแกนกับเมนูอาหารยั่งยืน
ในยุคที่เทรนด์อาหาร มังสวิรัติ และ วีแกน กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเลือกเมนูอาหารยั่งยืนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สมชาย วัฒนศิริ ได้รวบรวมแนวทางการเลือกเมนูที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและความยั่งยืนไว้ดังนี้
การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่พบว่า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรน้ำ ได้อย่างมีนัยสำคัญตามรายงานของ Food and Agriculture Organization (FAO) การปรับเมนูให้มีพืชผักเป็นหลัก เช่น ผักถั่ว มะเขือเทศ เห็ด และธัญพืช จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มความหลากหลายของรสชาติได้ดี
โดยปกติแล้วเมนูมังสวิรัติและวีแกนจะมีอุปสรรคคือการรักษาคุณค่าทางโปรตีนและความสมดุลของสารอาหาร สมชายแนะนำให้เพิ่ม โปรตีนจากพืช เช่น เต้าหู้ ถั่วเลนทิล หรือควินัว เข้าไปในเมนู และใช้สมุนไพรและเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาเนื้อสัตว์
นี่คือตัวอย่างเมนูยอดนิยมและไกด์ไลน์การผสมผสานที่เหมาะสมสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย:
ประเภทเมนู | วัตถุดิบหลัก | จุดเด่นด้านสุขภาพ | คำแนะนำการผสมผสาน |
---|---|---|---|
เมนูมังสวิรัติ | ผักสด ถั่ว เต้าหู้ ธัญพืช | สูงไฟเบอร์ โปรตีนจากพืช ไม่อุดตันหลอดเลือด | เพิ่มถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วแดง เพื่อโปรตีนที่ครบถ้วน |
เมนูวีแกน | ผักสด ธัญพืช ถั่วเลนทิล สมุนไพร | ปลอดจากผลิตภัณฑ์สัตว์ สุขภาพหัวใจดีขึ้น | ใช้สารทดแทนผลิตภัณฑ์นม เช่น นมถั่วเหลือง เพื่อแคลเซียม |
เมนูลดเนื้อสัตว์ (Flexitarian) | ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ลดปริมาณ | ลดคอเลสเตอรอล บำรุงร่างกายครบถ้วน | เลือกเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงแบบยั่งยืน และเน้นพืชเป็นหลัก |
เพื่อปฏิบัติได้จริง ควรเริ่มจากการวางแผนเมนูล่วงหน้า เช่น กำหนดวันของสัปดาห์ที่เป็นวัน meatless Monday หรือทดลองเมนูใหม่ที่ปราศจากเนื้อสัตว์ เพื่อให้คุ้นเคย และค่อยๆ ปรับเปลี่ยน พึงระวังว่าจะต้องตรวจสอบภาวะโภชนาการ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร
สิ่งสำคัญคือการใช้เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในปริมาณที่พอดี ไม่ตัดทิ้งทั้งหมดทันทีแต่ค่อยๆ ลดลง โดยศึกษาข้อมูลจากองค์กรด้านโภชนาการ เช่น EAT-Lancet Commission เพื่อสร้างเมนูที่สอดคล้องกับความยั่งยืนและสนับสนุนสุขภาพผู้บริโภค
การปรับเมนูสำหรับผู้ประกอบการและนักโภชนาการ
ในฐานะนักโภชนาการและนักเขียนที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี สมชาย วัฒนศิริ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่สมชายได้เน้นย้ำเสมอคือการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและฤดูกาล ที่ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง แต่ยังสนับสนุนเกษตรกรในชุมชน ตัวอย่างเช่น ในโครงการพัฒนาเมนูสำหรับร้านอาหารเวิร์กช็อปแห่งหนึ่ง สมชายริเริ่มออกแบบเมนูโดยเลือกใช้ผักพื้นบ้านตามฤดูกาลแทนผักนำเข้า โดยทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงถึง 15% และสร้างความแตกต่างที่ลูกค้าตอบรับด้วยความประทับใจอย่างมาก
สมชายยังแนะนำให้นักโภชนาการและผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าใจลึกซึ้งถึงคุณค่าทางโภชนาการและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของแต่ละวัตถุดิบ รวมถึงการจัดวางเมนูให้ชัดเจน เช่น ระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบและวิธีการปลูกแบบยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการสื่อสารที่โปร่งใสแก่ผู้บริโภคยุคใหม่ (American Journal of Clinical Nutrition, 2022)
การสร้างเมนูอาหารยั่งยืนไม่ได้จำกัดแค่การเลือกวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการออกแบบเมนูให้สะท้อนความหลากหลายทางโภชนาการและมื้ออาหารที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ ตัวอย่างหนึ่งที่สมชายนำเสนอคือ การรวมเนื้อจากพืชและโปรตีนทดแทนในเมนูจานหลักเพื่อช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบเนื้อสัตว์ได้ถึง 20% พร้อมยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในแง่ของรสชาติและสุขภาพ
จากประสบการณ์ตรง สมชายเน้นว่า การสื่อสารอย่างจริงใจและโปร่งใส ในการเล่าเรื่องของเมนูอาหารยั่งยืนจะช่วยเพิ่มคุณค่าและการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับการสร้างพันธมิตรกับเกษตรกรและซัพพลายเออร์ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดระบบอาหารที่ยั่งยืนและแข็งแรงในระยะยาว (FAO, 2023)
ความคิดเห็น